ขโมยมาจากเพื่อน ส่วนผมไม่เลือกกินนะ
อะไรก็ได้ที่เมา
เชี่ยงชุน กะเสือ121ตัวยังกินเลย
วิธีการดื่ม เหล้า ตระกูล
JOHNNY WALKER
มีวิธีการแต่ละฉลาก
ไม่เหมือนกัน
เห็นว่าเป็นข้อมูลที่น่าสนใจ
ใครจะลองปฎิบัติดู
ก็ไม่น่าเสียหายอะไร
JOHNNIE WALKER
RED LEBEL
น่าจะดูถูกใจคนไทยที่สุด
เพราะน้องเล็กสุดขวดนี้
มีวัตถุประสงค์เพื่อการดื่ม
ตลอดค่ำคืน
พูดง่ายๆ ก็คือแด้กได้นานๆ
สนุกสนานกันทั้งคืนนั่นแหละ แถมวิธีการกินที่ถูกต้องนั้น
ก็ต้องผสมกับ 'มิกเซอร์' ทั้งหลาย อันเป็นวิธีการดื่มที่นิยม
ในหมู่คนไทยอยู่แล้น
ตอนนี้ เรด เลเบิ้ล
ก็เลยขายดีที่สุดไปโดยปริยาย ง่ายๆ จะใส่น้ำแข็ง ผสมโคล่า
ชามะนาว หรือโซดาก็ได้ทั้งนั้น
สุดแล้วแต่ว่าจะชอบรสชาติ
แบบไหน หลังผสมมิกเซอร์แล้วเท่านั้นเอง แต่นักดื่มมืออาชีพ
มักนิยมผสมน้ำก่อน
แล้วจึงผสมโซดาตามลงไป
ในอัตราส่วน 2:1 หรือที่
เรียกกันว่า ' โซดาลอย ' นั่นเอง...ผสมเสร็จก็ เอ็นจอย
ดริ๊งกิ้ง กันได้ทั้งคืน
( แต่อย่าขับรถหลังดื่มนะ )
BLACK LEBEL
โตขึ้นมาหน่อย
กับความเคร่งขรึมแบบ
จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ แบล็ค เลเบิ้ลวิสกี้ชั้นดีจากการหมักบ่ม
เพื่อให้ได้รสชาติที่คลาสสิกที่สุดนานถึง 12 ปี
วิธีการดื่ม ที่ถูกต้องนั้น
ก็คลาสสิกไม่แพ้รสชาติของตัววิสกี้ง่ายๆ เท่ๆ ดูดีด้วยสไตล์ที่เรียกกันว่า ' ออน เดอะ ร็อก ' นั่นเอง หรือถ้าอยากย๊ากอยากจะผสม
มิกเซอร์เหลือเกิน
ก็ต้องใส่น้ำแข็งเข้าไปเยอะๆ
วิสกี้ ครึ่งแก้ว และโซดาอีกครึ่งแก้วแค่นี้แหละ ก็จะได้สัมผัสรสชาติที่แท้จริงของ จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ แบล็ค เลเบิ้ล
GOLD LEBEL
มาถึงวิสกี้ตระกูล จอห์นนี่
วอล์กเกอร์
ที่ไม่ค่อยจะเห็นบ่อยนักบ้างดีกว่า เริ่มจาก จอห์นนี่ วอล์กเกอร์
โกลด์ เลเบิ้ล อายุ 18 ปีกันก่อน แค่นำ จอห์นนี่ วอล์กเกอร์
โกลด์ เลเบิ้ล
ไปใส่ในช่องแช่แข็งสัก 24 ชั่วโมงถ้าที่ในช่องแช่แข็งยังเหลือก็นำแก้วทรงสูงเปล่าๆ แช่ไว้ด้วย
พอได้เวลา ก็รินใส่แก้วที่แช่ไว้
ข้างกันๆ นั่นแหละ
แล้วดื่มเข้าไปเลย
ทันทีที่วิสกี้เย็นจัดปะทะกับ
ความอุ่นในปาก
กลิ่นหอมหวนนุ่มลิ้นจะอบอวล แหม...ยิ่งถ้ามีช็อกโกแล็ตดีๆ
ไว้กินเข้าคู่ล่ะ ก็จะเป็นความสุข
ที่ลืมไม่ลง เลย เชียว
GREEN LEBEL
ส่วน จอห์นนี่ วอล์กเกอร์
กรีน เลเบิ้ล
ที่มีจำหน่ายแบบจำกัดประเทศนั้นหาน้ำแข็งก้อนใหญ่ๆ สักก้อน
ใส่ในแก้วปากกว้างเพียงแค่
ก้อนเดียว ไม่ต้องกลัวว่าน้ำแข็งก้อนนั้นจะเหงา
เพราะเราจะเฝ้ามองอย่าทะนุถนอมจากนั้นริน จอห์นนี่ วอล์กเกอร์
กรีน เลเบิ้ล
ลงไปไม่ต้องท่วมน้ำแข็ง
แกว่งแก้วเล็กน้อย
ให้อุณหภูมิของวิสกี้
ชะอุณหภูมิของน้ำแข็งก้อนโต ดมกลิ่นวิสกี้ที่ระเหยขึ้นมาเล็กน้อย
ก่อนลิ้มรสวิสกี้ที่อุณหภูมิ
พอเหมาะพอดี
งานนี้จะได้ รสชาติ กลิ่น
และแสงที่วิสกี้
ตกกระทบกับก้อนน้ำแข็งชวนมอง
( อันนี้เคยเสียของมาครั้งหนึ่งแล้ว )
BLUE LEBEL
ปิดท้ายกันที่วิสกี้ชั้นสูง
จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล
อายุ 25 ปี ที่หมักบ่มจากมอลต์คุณภาพสูง ตามวิธีการคลาสสิกแบบศตวรรษที่ 19
วิธีการดื่มวิสกี้ชั้นสูงนี้ก็
คลาสสิกมาก
เตรียมแก้วบรั่นดีสวยๆ
ไว้สัก 2 ใบ
แก้วนึงรินวิสกี้รอไว้
ส่วนอีกแก้วนึงรินน้ำแร่เย็นๆ
ไว้เช่นกัน
ดื่มน้ำแร่เย็นๆ เพื่อปรับอุณหภูมิ
ในช่องปากกันก่อน
จากนั้น จิบ จอห์นนี่ วอล์กเกอร์
บลู เลเบิ้ล ในแก้วบรั่นดีอีกใบตามเมื่อน้ำแร่เย็นๆ ที่หลงเหลืออยู่ในช่องปาก ผสมกับวิสกี้ชั้นดีนี้
รสชาติที่แอบซ่อนจะซึมผ่าน
เพดานปาก ไปมัดใจนักดื่มเหล้า
ทั้งหลายไม่รู้ลืม
เสร็จสิ้นครบทั้ง 5 เลเบิ้ล
ของตระกูล
จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ กันแล้ว
ต่อจากนี้นักดื่มเหล้าชาวไทย
ทั้งหลาย ก็จะดื่มได้แบบ
ไม่เสียของกันแล้ว
แต่ที่สำคัญที่สุด
ดื่มแล้วจะมึนน้อยหรือมึนมาก
ก็อย่าขับรถเลย
เก็บชีวิตที่มีค่าไว้สัมผัสกับสิ่งดีๆ
ที่รอเราอยู่มากมายในวันข้างหน้า
ดีกว่า ...