ยาว แต่ดี
โทนี คาร์ตาลุชชี เขียนบทความลงในแอคทิวิสต์โพสต์ หัวข้อ “Hypocrisy: Syria Burns While Mass Murdering Dictator Roams Freely in” (เสแสร้ง: ซีเรียลุกไหม้ขณะที่เผด็จการสังหารหมู่เตร็ดเตร่อย่างเสรี) ซึ่งเว็บไซต์ข่าวของอิหร่านและโลกตะวันออกกลาง Hamsayeh.Net นำมาเผยแพร่อีกทอด
ในบทความนี้ผู้เขียนเจตนาโจมตีความหลอกลวงของรัฐบาลสหรัฐ ที่กำลังให้ การต้อนรับพะเน้าพะนอ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อ่านต่อหน้า ที่เขาเรียกว่า เผด็จการสังหารหมู่ที่กำลังหลบหนีคดี แต่อีกด้านกลับตำหนิรัฐบาลซีเรีย ที่เขา กล่าวว่ากำลังสู้รบกับพวกอัลกออิดะห์
บทความกล่าวโจมตีอดีตนายกรัฐมนตรีไทย ที่ใช้นโยบายฆ่าตัดตอนผู้ถูกกล่าว หาว่าเป็น “ผู้ค้ายาเสพติด” ไปเกือบ 2,800 รายในช่วงเวลา 3 เดือน เริ่มตั้งแต่ เดือนกุมภาพันธ์ 2546 ซึ่งการสอบสวนภายหลังพบว่า ผู้ที่ถูกตำรวจวิสามัญ ฆาตกรรมกว่าครึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเลย ข้อมูลนี้ได้รับการ ยืนยันใน รายงานของฮิวแมนไรต์วอตช์ “Thailand’s war on drugs’” เมื่อปี2551 ซึ่ง เป็นรายงานต่อจากฉบับยืดยาวชื่อ”Not Enough Graves” ของปี 2547 ทว่า จนถึงทุกวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้รับผิดชอบต่อการรณรงค์ฆ่าหมู่ทั่วประเทศ ยัง ไม่ได้เคยถูกตั้งข้อกล่าวหาทั้งโดยรัฐไทยหรือองค์กรระหว่างประเทศ
กระนั้น หลังจากเที่ยวรื้อองค์กรตรวจสอบถ่วงดุล ใช้อำนาจกดขี่เสรีภาพ พลเมืองมากขึ้นและปราบปรามสื่อที่วิจารณ์เขาในปี 2549 ระบอบเผด็จการ ทักษิณก็ถึงกาลอวสานจากการรัฐประหารอย่างสันติ ที่ทำให้เขาต้องหลบหนี ออกนอกประเทศ ตอนแรกเขาเข้าไปหลบภัยในอังกฤษ แล้วต่อมาถึงปัจจุบันก็ อยู่ที่ดูไบในยูเออี น่าประหลาดใจที่เผด็จการฆ่าหมู่ผู้นี้ไม่เพียงได้ที่พักพิงใน อังกฤษ แต่เขายังได้รับอนุญาตให้ซื้อสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี เมื่อ ปี2550 ตอนนั้นบีบีซีรายงานว่า มีความกังวลเกี่ยวกับที่มาของเงินทุนว่าอาจ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากเขากำลังถูกสอบสวนคดีคอรัปชั่นหลายข้อกล่าวหา แต่การซื้อขายยังเดินหน้าโดยไม่มีการคอรัปชั่นหลายข้อกล่าวหา แต่การซื้อขายยังเดินหน้าโดยไม่มีการกล่าวถึงการฆ่าตัดตอน 2,800 ศพ
ปี 2551 ทักษิณถูกตัดสินจำคุก 2 ปีในคดีคอรัปชั่น แต่เขาหลบออกมาก่อนคำตัดสินแล้ว ฉะนั้นฐานะของเขาคือนักโทษหนีคดี แม้รัฐบาลหุ่นเชิดหลายชุดได้พยายามขออภัยโทษ/นิรโทษคำพิพากษา ครั้งหนึ่งในยุคของน้องเขยทักษิณ และตอนนี้เป็นรัฐบาลน้องสาวของเขา แต่ทักษิณก็ยังคงหลบหนีคดีอยู่ในต่างแดน
บทความชี้ให้เห็นความเสแสร้งของรัฐบาลสหรัฐว่า ด้วยเหตุที่สหรัฐเคยใช้การทหารแทรกแซงซีเรียด้วยข้ออ้าง “ความรับผิดชอบต่อการปกป้องคุ้มครอง” และตอนนี้นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศ กำลังใคร่ครวญจะแทรกแซงซีเรีย สหรัฐควรจะเป็นสถานที่สุดท้ายบนโลกใบนี้ที่จะพบอาชญากรหนีคดี ที่กระทำผิดเข่นฆ่าพลเรือนบริสุทธิ์ 2,800 คน แต่ทว่าตอนนี้ทักษิณมาอยู่ที่สหรัฐแล้ว ล่าสุดเขาปรากฏตัวที่แคลิฟอร์เนีย ใกล้เมืองแอลเอที่ซึ่งคนไทย 2,000 คนชุมนุมประท้วงเขาหน้าสถานที่ที่ทักษิณกำลังจะปราศรัยกับคนเสื้อ แดง “น่าอายที่คนไทย 2,000 คนต้องทำในสิ่งที่กระทรวงการต่างประเทศ ควรทำ คือขับไล่เผด็จการทรราชฆ่าหมู่กลับไป” บทความกล่าว
ผู้เขียนเปรียบเทียบด้วยว่า เหตุการณ์ที่เกิดในไทยไม่เหมือนในซีเรีย ไทยไม่มีผู้ ก่อการร้ายต่างชาติไล่ยิงตำรวจ-ทหาร บุกจู่โจมเมืองเล็กเมืองน้อย ทำลาย โครงสร้างพื้นฐาน ผู้คนที่ถูกฆ่าตามท้องถนนในไทยเมื่อปี2546 ไม่ได้เป็นผู้ ประท้วงด้วยซ้ำ พวกเขาเป็นคนธรรมดาที่ใช้ชีวิตปรกติ ไม่มีอาวุธ และถูกฆ่า โดยไม่ทันตั้งตัว รายงานของฮิวแมนไรต์วอตช์ฉบับปี 2543 และอีกทีปี 2551 ออกเผยแพร่เพราะรัฐบาลตัวแทนของทักษิณขณะนั้น กำลังมีแผนจะกลับมาใช้ นโยบายฆ่าตัดตอนแบบนี้อีก
บทความตั้งคำถามว่า เหตุใดสหรัฐจึงใช้สองมาตรฐาน โดย ออกวีซ่าให้ทักษิณ อาชญากร, นักโทษหนีคดี, ฆาตกรฆ่าหมู่, บุคคล ที่บงการกลไกการเมือง อันดกดื่นด้วยการเล่นพรรคเล่นพวก,ฆาต กรรม, ข่มขู่คุกคาม และคอรัปชั่น อย่างกว้างขวาง เหตุใดทักษิณ ผู้กระทำความผิดในโลกแห่งความเป็นจริง จึง ไปไหนมาไหนก็ได้ในกระทำความผิดในโลกแห่งความเป็นจริง จึงไปไหนมาไหนก็ได้ในสหรัฐ คำตอบอยู่ที่ผู้นั้นมีความเข้าใจความทุจริตฉ้อฉลของสหรัฐอย่างลึกซึ้งเพียงใด
คาร์ตาลุชชีอ้างข้อมูลว่า ทักษิณ ชินวัตร ก่อนเป็นนายกรัฐมนตรีได้พยายาม แสวงโอกาสการลงทุนในวอลสตรีทและลอนดอนควบคู่กับการไต่เต้าทางการ เมือง รายงานของเนชั่นปี 2544 โดยทนง ขันทอง ระบุว่า คาร์ไลล์กรุ๊ปเคยตั้ง ให้เขาเป็นที่ปรึกษากลางปี 2541 ทักษิณยังเคยพยายามใช้สายสัมพันธ์กับอเมริกาส่งเสริมภาพพจน์ทางการเมืองในช่วงที่เขาก่อตั้งพรรคไทยรัก ไทย เขาเชิญบุชผู้พ่อมาเยือนกรุงเทพฯ บอกว่าภารกิจของเขาคือเป็นพ่อสื่อระหว่างกองทุนจากสหรัฐกับธุรกิจไทยเขายังเชิญเจมส์ เบเกอร์ ที่สาม รัฐมนตรีต่างประเทศ สหรัฐในยุคจอร์จ บุช มาเที่ยวไทยเมื่อเดือนมีนาคมปีนั้น
เมื่อได้เป็นนายกรัฐมนตรีปี2544 ทักษิณเริ่มตอบแทนการสนับสนุนจากผู้อุปถัมภ์ชาวตะวันตกของเขา ในปี 2546 เขาส่งทหารไทยไปอิรักทั้งที่กองทัพ และประชาชนคัดค้าน เขายังอนุญาตให้ซีไอเอใช้ไทยในโครงการส่งผู้ร้ายข้าม รัฐอย่างปิดลับ ปี 2547 ทักษิณพยายามผลักดันเอฟทีเอสหรัฐ-ไทยโดยไม่ ผ่านสภาฯ หลังถูกรัฐประหารปี 2549 ทักษิณยังเป็นที่รักของสื่อตะวันตกอันเป็นผลจากสายสัมพันธ์กับบริษัทล็อบบี้ชั้นนำหลายแห่งในสหรัฐ ที่ยกเขาเป็นบุรุษของประชาชนที่ต่อสู้กับ “ชนชั้นนำ” ในกรุงเทพฯ แต่กลับไม่มีการกล่าวถึง “สงครามยาเสพติด” ของเขา
ตอนท้ายของบทความอธิบายเหตุผล ที่ทำให้ทักษิณเดินทางในสหรัฐได้อย่าง เสรีด้วยว่า เป็นเพราะเขาอุทิศตัวรับใช้ผู้ยิ่งใหญ่แห่งวอลสตรีทและลอนดอน เต็มที่ พูดและทำทุกอย่างตามคำสั่งเพื่อแลกกับใบอนุญาตกำจัดใครหรืออะไรก็ ตามที่ขวางทางเขา. — กับ Sirilak Ream
