เธอได้รับเลือกเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งกลางเทอม ที่รัฐอิลลินอยส์ เป็นตัวแทนพรรคในการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายอิรัก ของประธานาธิบดีจอร์จ ดัลเบิลยู บุชหลายครั้ง ผลการเลือกตั้งเธอพ่ายแพ้คู่แข่งจากพรรครีพับลิกันไปอย่างสูสี
ลัดดาเป็นหนึ่งในตัวเลือกของพรรคเดโมแครต ในตำแหน่งวุฒิสมาชิกจากรัฐอิลลินอยส์ ที่ว่างลงหลังบารัก โอบามา ไปดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา [6] ในต้นปี พ.ศ. 2552 แทมมี ดักเวิร์ธ ได้รับแต่งตั้งเป็น ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงกิจการทหารผ่านศึกของประเทศสหรัฐอเมริกา [7]
ในปี พ.ศ. 2555 เธอได้ลงสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขต 8 รัฐอิลลินอยส์ ซึ่งเขตดังกล่าวถือเป็นเขตที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติสูง ประชากรส่วนใหญ่ร้อยละ 84 เป็นคนผิวขาว ส่วนคนเอเชียมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 6 จากจำนวนประชากรทั้งหมด 653,000 คน[5] ในการนี้เธอได้รับเสียงสนับสนุนจำนวนมากโดยเฉพาะจากชาวไทยที่พำนักในชิคาโก ซึ่งชาวไทยกลุ่มดังกล่าวต่างให้การสนับสนุนลัดดา[5] และตัวเธอเองก็ให้สัมภาษณ์กับ วีโอเอ ภาคภาษาไทย เกี่ยวกับการสนับสนุนของชาวไทย ความว่า "รู้สึกดีใจที่ได้รับการสนับสนุนจากชาวไทยและให้กำลังใจในการเข้าสู่สนามเลือกตั้งในครั้งนี้และจะใช้เงินที่ได้รับบริจาคอย่างคุ้มค่าเพราะการหาเสียงในสหรัฐต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก"[5]
ในวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 เธอได้รับชัยชนะการเลือกตั้งให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทำให้เธอเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเชื้อสายไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ผ่านการเลือกตั้งเข้าไปทำงานในรัฐสภาสหรัฐอเมริกา โดยมีคะแนนชนะโจ วอลช์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน ร้อยละ 55 ต่อร้อยละ 45 หรือคิดเป็นคะแนน 120,774 ต่อ 99,922[1]