วันที่ 23 ส.ค. 56 นักโทษรายนี้ ก็ได้โพสต์เฟซฯ ว่าได้ไปเเวะทานข้าวเย็นกับนายกฯมอนเตเนโกร ซึ่งเป็นเพื่อนกันและก็ไปนอนโรงแรมที่เคยเป็นหมู่บ้านชาวประมงสมัยนายพลติโตของยูโกสลาเวียเมื่อก่อนนี้ พร้อมระบุด้วยว่า ที่นี่เป็นประเทศแรกที่เสนอให้ passport เเก่ตน โดย passport ประเทศนี้สามารถเข้ายุโรปได้ทุกประเทศยกเว้นอังกฤษที่ต้องมีวีซ่า รวมทั้งเข้าประเทศในสหภาพโซเวียตเดิมได้ด้วยและอเมริกากำลังพิจารณายกเว้นให้ แต่ตอนนี้ตนใช้ passport ไทยเป็นส่วนใหญ่ครับ เพราะภูมิใจในความเป็นไทยเต็มหัวใจ!
***อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า
@นักโทษรายนี้ เดินทางไปประเทศอิตาลี และประเทศในแถบยุโรป และเดินทางกลับ ก่อนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม น้องสาว มีกำหนดการเดินทางไปเยือนประเทศ สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี และมอนเตเนโกร อย่างเป็นทางการ ในระหว่างวันที่ 8-15 ก.ย.นี้
@กรณีที่นายกฯ ไปเยืือนมอนเตเนโกร เป็นที่สุดท้ายก่อนกลับไทยในทริปนี้ มีประเด็นเรื่องยกเว้นการขอวีซ่าให้คนไทยที่ถือพาสปอร์ตทูต เเละพาสปอร์ตราชการไทย จึงเป็นเรื่องที่น่าสังเกต คล้ายจงใจให้ลิ่วล้อ บรรดา ส.ส. เเละข้าราชการมาเเวะเยี่ยมเยียนนักโทษรายนี้ได้ง่ายขึ้น เพราะหากต้องการส่งเสริมการท่องเที่ยวไปมาระหว่างกันจริง
เหตุใดผู้ถือพาสปอร์ตธรรมดา ไม่ได้รับการยกเว้นด้วย หรือนำเข้าหารือด้วย?
หรือนี่จะเกี่ยวกับการที่นครดูไบ..เตือนเรื่องการเคลื่อนไหวของนักโทษ หลังกลุ่มอัลกอดิดะห์ขู่ฆ่า..จึงเตรียมย้ายฐานบัญชาการมาที่มอนเตเนโกร?
@นี่จึงเป็นส่วนหนึ่งของมหากาพย์ พี่ไปก่อน .. น้องไปหลัง ที่ไม่เคยเสื่อมมนต์ขลัง เเละเบื้องหลังที่ยังคงกังขาสืบมาในเรื่องประโยชน์ทับซ้อน..เเอบเเฝงเเบบเควอเตอร์ของเกาหลี เเละอีกหลายที่นั่นเอง
@สุดท้าย หากนักโทษหวังดีต่อประเทศจริง เหตุใดไม่ยอมสั่งรัฐบาลยุตินโยบายทำร้ายชาติ เช่น จำนำข้าว กู้เงิน 2.2 ล้านล้าน ขึ้นราคาพลังงาน เเก้ รธน. เป็นต้น อย่าบอกนะว่าตนเองไม่เกี่ยว
พูดว่าไม่เกี่ยว ก็ได้อยู่หรอก..เเต่"คน"ที่ไหนจะเชื่อ ยกเว้น......(ไม่ใช่คน)
เก่งจริง..พ่อคุณ
ฉิบหายกันหมดเเล้ว!