ก็แสดงความเห็นใจคุณครูทั้งหลายที่มีงานมากมายเวลามีคนมาประเมิน(ไร้สาระจริงๆ เอาคนไม่ได้สอนมาประเมิน) ตอนผมถูกบังคับให้ประกวดกิจกรรมประชาธิปไตยนักเรียน(ก็เอาแบบไปจากหนองบอนนี่แหละ) ผมก็ตอกศึกษานิเทศก์ไปว่า กิจกรรมทำกันทุกวันมาตัดสินกันวันเดียวไม่ได้ ผมไม่แคร์หร็อกเรื่องรางวงรางวัล พอหลังจากผมย้ายออกครูที่สับเปลี่ยนกับผมเอาโครงการผมไปทำต่อกลับติดระดับจังหวัด
เคยเถียงกับรุ่นน้องที่เป็ผอ.เขตคนนึงจนหน้าดำหน้าแดง จนเพื่อนคิดว่าเมาเหล้า ทั้งๆที่งานนั้นเป็นงานประเมินผอ.โรงเรียนแท้ๆ ซักยังกะซักโจร ผมเคยพูดอยู่คำนึงไปว่า อยู่ในอาชีพเดียวกันควรผลักดันส่งเสริมให้คนร่วมอาชีพได้เจริญก้าวหน้า (ไม่ใช่มึงก้าวหน้าแล้วมากดคนระดับต่ำกว่า)ในวงเล็บไม่ได้พูด ผมเชื่อว่า การประเมินตามผักชีรวมเล่มน่ะ ไม่ได้ผลหร็อกครับ แค่มาสุ่มเด็กแต่ละห้องไปซักถามตัวหัวข้อกิจกรรม ก็น่าจะได้ความจริงแล้วสภาพโรงเรียน ป้ายนิเทศก์ เป็นแค่องค์ประกอบ แต่เป้าประสงค์นั้นก็คือ ตัวเด็ก ต่างหาก แอบๆมาประเมินโดยไม่ต้องยกขบวนมา มาดู
สนามหน้าโรงเรียน กับส้วม แบบไม่บอกให้รู้ตัว ก็ประมินได้ตั้งหลายอย่างแล้ว
ผมออกจากโรงเรียนมา 10 กงว่าปีแล้ว ยังนึกถึงระบบสารสนเทศภายในโรงเรียน เลยว่าน่าจะออนไลน์ได้ทั่วประเทศ
แล้ว เรื่องการย้ายเด็กไปต่างโรงเรียนโดยผู้ปกครองไม่ต้องวิ่งไปวิ่งมา ขนาดเรื่องซับซ้อนกว่านี้ เอกชน ยังทำได้เลย
น่าอายเซเว่นนะ
ลูกผมอยู่กับบ้านจะเรียนต่อเข้ามหาวิทยาลัย แค่นั่งอยู่น่าคอมก็สมัคร ไปจนถึงฟังผลไม่ต้องวิ่งไปวิ่งมา ยกเว้นวันสอบ
ที่ต้องเดินทางไปสอบแค่นั้น ในอนาคตก็น่าจะเรียนที่บ้านได้ด้วย(ผมเคยไปอบรมเรื่อง อี เลิร์นนิ่งแล้วเมื่อ20ปีก่อน)
แต่ยังแก้ไขปัญหาเรื่อง เรียนแทน สอบแทนไม่ได้นี่แหละ วันสอบจึงต้องไปสอบเอง
แต่นี่มัวแต่มานั่งอ่านนั่งดูหลักฐานนิทานโกหก เป็นเล่มๆ ทั้งๆที่รู้ว่าโกหก ปัญญาญาอ่อนขนาดนี้ แล้วเด็กจะไม่ปัญญา
อ่อนยังไงไหว...