วันนี้ผมขอยกวาทะกรรมเท่ เท่ ที่ว่า ผลไม้พิษย่อมเกิดจากต้นไม้พิษ มาให้ฟังกันนะครับ บรรดามวลชนที่ถูกจัดตั้ง
โดยนักโทษหนีคดี ที่มีกุนซือวางโมเดลคอมมิวนิสต์ ก่อตั้งขึ้นมาโดยอาศัยช่องว่างระหว่างชนชั้นสร้างคำว่า อำมาตย์
กับไพร่ขึ้นมาเพื่อก่อให้เกิดความขัดแย้งและใส่ไฟอำมาตย์ให้มวลชนเหล่านั้นเกลียดชังทั้งๆที่อำมาตย์ที่ว่า
ไม่เคยไปรังแกกดขี่พวกนั้นให้จนเลย ปลูกฝังความเคียดแค้นชิงชังให้กับอำมาตย์และพรรคการเมืองพรรคหนึ่งมา
เป็นเวลากว่า 5 ปี เพียงเพื่อตัวเองจะได้ลับบ้าน ผลไม้พิษที่ถูกเพาะบ่มจนยากที่จะเป็นผลไม้ดีๆผลเดิมแล้ว
ก็สำแดงพิษของมัน
...เมื่อเข้าสู่โหมดปรองดองอีกครั้งหนึ่ง ผู้นำหญิงเข้าหาอำมาตย์ใหญ่ที่มวลชนเหล่านั้นเกลียดชัง ก็เกิดอาการ
"เอาไม่อยู่" แม้กระทั่งการเลือกตั้งที่ผ่านมา "แดงตัวแม่"ที่ดำรงตำแหน่งถึงประธาน พวกผลไม้พิษยังไม่เลือก
ต้นไม้พิษที่เต็มไปด้วยผลไม้พิษเริ่มย้อนกลับมาทำลายตัวเองแล้ว
....ผมจำได้ว่าการปรองดองครั้งแรกเกิดขึ้นก่อนการนองเลือดโดยพรรครัฐบาลในขณะนั้นขอเจรจาปรองดองด้วยบนโต๊ะเจรจาฝ่ายละ 3 คน แต่หลังจากนั้นก็ถูกหักดิบไม่ปรองดอง
....คราวนี้ฝ่ายนักโทษเกิดอยากปรองดองเสียเอง....แต่มวลชนก็ไปใกลเกินจะกลับแล้วและไม่ปรองดอง
ที่สำคัญคในสมองถูกเติมด้วยคำโกหกทุกวันว่าตายเพื่อประชาธิปไตย
....ผมเพิ่งมาคิดได้ครับว่าไม่ใช่เพราะความโง่หร็อก...แต่เพราะความหวังต่างหาก คนไทยมีจุดอ่อนอยู่อย่างหนึ่งคือ..ความเชื่อ...อย่างหมอดู...ผีสาง...ไสยศาสน์ เพราะฉะนั้น การมาตายของเขา ก็เพราะถูกทำ
ให้เชื่อนี่แหละ..
...อ้อ อ่านแล้วอย่าเชื่อผมมากนักนะครับ.....ผมเองยังถูกหลอกบ่อยๆเลย.......