จมอยู่กับเรื่องราวในกรุงเทพเสียนาน วันนี้ผมไปวัดวันอาทิตย์เช่นเคยย้ายจากวัดค่ำมาเป็นวัดเช้าเพื่อหลีกเลี่ยงอารมณ์ขุุ่นมัวในตอนกลางคืน
ที่มีคนจอดรถขวางประตู ความจริงมีคำสอนไว้ว่าจงให้อภัย7ครั้ง70หน แต่ผมผมว่าต่อๆไปมันก็ยังจอดอีกเกิน 490 ครั้งแน่ ซึ่งคงจะประสาท
เสียเสียก่อน ที่จริงการให้อภัยเป็นเรื่องดี ผมจึงหลีกเลี่ยงโดยมาวัดตอนเช้าแทน
คำสอนให้กระทำความดี เสียสละ ให้อภัย เป็นเรื่องทีดี เหนือมนุษย์ แต่ถ้ามองในมุมกลับ คนที่มาจอดรถไม่ใช่ผู้กระทำผิดหรอกหรือ การใให้
อภัยเป็นการยอมจำนนหรือเปล่า การเสียสละ เป็นการเสียเปรียบหรือเปล่า ก็เหมือนเรายืนเฉยดูรัฐบาลคอรัปชั่นแล้วบอกให้อภัยกระนั้นหรือ
แล้วผมก็มองไปถึงเรื่องพระเวสสันดรที่ยอมให้กัญหาชาลีให้กับชูชกเป็นการเสียสละอันยิ่งใหญ่ในขณะที่เด็ก2คนต้องทนทุกข์ทรมาณ
กระนั้นหรือ ปริศนาธรรมเหล่านี้จึงเป็ยนสิ่งที่ผมตีไม่แตกสักที
วันนี้ผมร่วมพิธีและฟังเพลงประสานเสียงด้วยความสุขจากคณะนักร้องประสานเสียงในวัด แล้วอดนึกถึงจำนงไม่ได้ ที่ผมให้หนูนาไปสอน
คีย์บอร์ดก็อยากจะให้เล่นเพลงประสานเสียงแบบนี้แหละ แต่พวกดันให้เล่นเพลงลูกทุ่งขับกล่อมผู้ใหญ่ที่มาโรงเรียน ซึ่งใช้แผ่นคาราโอเกะ
ก็ได้ เมื่อไรวงการดนตรีในโรงเรียนจะหลุดจากกรอบ ชิงช้าสวรรค์เสียที
มีรูปในวัดมาฝากด้วยครับ