ความคิดนอกกรอบ หรือ คิดต่าง มักจะมีวิทยากร หรืออาจารย์ทาง
ศิลปะ หรือนักธุรกิจ เอามาใช้สั่งสอนบรรดาสาวกเสมอ พร้อมทั้ง
ยกตัวอย่างผู้ประสบความสำเร็จอย่าง สตีฟ จ้อปส์ เป็นตัวอย่าง
ความคิดต่าง เรียกกันใหม่ว่า ความคิดสร้างสรรค์นั่นเอง
แต่บางคนเอาไปตีความกันผิดๆ เลียนแบบความคิดนอกกรอบ
จากเมืองนอก อย่างเช่นศิลปะ พอมีกระแสอะไรก็ทำไปตามนั้น
แล้วมาบอกว่าความคิดนอกกรอบ นั้น ที่จริงไม่ใช่
อย่างเช่นในยุค1960 เกิดมีพวกวัยรุ่นอังกฤษแหกกรอบผู้ดี
มาแต่งตัวอิสระย้อมผมสี ขีดเขียนฝาผนัง เล่นดนตรีหยาบ
เถื่อนที่เรียกกันว่าพั๊งค์ คนไทยก็เอามั่งและบอกว่านี่แหละ
นอกกรอบ
ปี1970ยุคฮิบปี้เฟื่องฟูใขว่คว้าหาอิสรภาพ ความรัก และเซ็กส์
ปล่อยตัวตามสบายไว้ผมยาว ใช้ชีวิตเสพดนตรี กัญชา หาความ
สุขไปวันๆ คนไทยก็เอาบ้าง แล้วบอกว่านี่นอกกรอบ
ศิลปินใหญ่ต้องทำตัวบ้าๆบอๆอย่างอ.เฉลิมชัย ก็บอกนี่แหละ
อหังการ์ของศิลปิน
ความคิดนอกกรอบที่ดีต้องไม่มีต้นแบบ มีเหตุและผลที่แตกต่าง
จากคนอื่น เป็นความคิดที่เกิดขึ้นใหม่ ซึ่งนำไปสู่การพัฒนา
คนคิดนอกกรอบไม่จำเป็นต้อง ทำตัว แตกต่างจากคนอื่นๆ
ก็เป็นคนธรรมดาพื้นๆ อย่างมาร์ค ผู้ให้กำเนิดเฟ้ซบุ้ค คน
เรียบร้อยอย่างบิลล์ เกตต์ ก็เรียกได้ว่าเป็นคนที่คิดใหม่
อยู่ตลอดเวลา
หรือเท็คนิเชี่ยนในบริษัทซัมซุงแห่งเกาหลีก็สามารถนำโทรศัพท์
ของเขาขึ้นอันดับ2เบียดยักษ์ใหญ่อย่างโนเกีย แบล็คเบอรี่ และ
โซนี่ให้ตกอันดับได้
คนเหล่านี้ก็คนธรรมดาที่เราเห็นในบริษัทไม่ได้แตกต่างจาก
คนอื่นๆ มีแต่ ความคิด ของเขาเท่านั้น ที่ล้ำหน้ากว่าคนอื่นไปใกล