เมื่อวานผมไปงานแต่งงานมา ความรู้สึกที่ได้รับก็คือ ตอนนี้ธุรกิจพรีเว็ดดิ้งได้เข้ามามีบทบาทในงานแต่งงานเป็นส่วนใหญ่ จากการถ่ายภาพวีดีโอคู่บ่าวสาว มาจนถึงพิธีการบนเวที แน่นอนครอบคลุมถึงการจัดแต่งดอกไม้ภายในงานด้วย ยังไม่นับรวมถึงการ์ดแต่งงานอีกเรียกว่าหมดกันเป็นหลักแสน การฉายวีดีโอที่มีเจ้าบ่าวเจ้าสาวเป็นนางเอกให้แขกชมก่อนเข้าสู่พิธีการดูเหมือนจะกลายเป็นประเพณีแบบ
ไม่ให้ใครน้อยหน้าใครกันไปแล้ว ไม่นับรวมถึงขบวนขันหมากและงานรับรองในตอนเช้า ซึ่งต้องจ่ายทั้งฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาว
เงินหลักแสนที่ใหลเข้าสู่ธุรกิจพรีเวดดิ้ง ร้านดอกไม้ รวมถึงโต๊ะจีน ไปจนถึงค่าเช่าสถานที่ เพื่อ ครั้งหนึ่งในชีวิต ซึ่งที่จริงแล้วก็
มีรับปริญญาด้วย ที่เป็น ครั้งหนึ่งในชีวิตเหมือนกัน
ตัวผมเองเวลา แต่งงาน เป็นงานที่ภูมิใจที่สามารถ ขบถ ต่อประเพณีนี้ได้อย่างสิ้นเชิง ไม่มีขบวนขันหมาก ตอนเช้า ว่างๆไปตัดผม เสร็จกลับ
มาแต่งชุด เข้าวัด ออกมางานเลี้ยงซึ่งใช้ดนตรีของผอ.วิวัฒน์เพื่อนกัน ให้หลานเล่นดนตรีไทย ตบท้ายด้วยโฟล์คซองของน้องชาย
ช่างภาพก็ได้เพื่อนๆอยาางผอ.สะอาด และรุ่นน้องมือโปรถ่ายให้ เรียกว่า แทบไม่ต้องเสียเงินเลย ผู้คนมาร่วมงานหนาแน่นเพราะเต็มไป
ด้วยเพื่อนฝูง ครับ และชีวิตแต่งงานก็ราบรื่นดี มีทะเลาะกันบ้างตามประสา เพราะไม่มีวีดีโอและภาพหวานแหววข้างผนังจ้องมาให้อาย
ที่เขียนมาเสียยาวนี่ก็เพราะเดี๋ยวนี้ มนุษย์ต้องเสียเงินไป เปล่าๆปลี้ๆกับ คานิยม ในการดำเนินชีวิตทุกขั้นตอน และต้องจ่ายแพงเพื่อการ
ที่ให้คนอื่นยอมรับ หรือกลัวคำว่า น่าเกลียด จนลืมความ พอดี และจุดประสงค์ที่แท้จริงของ การแต่งงาน