แทนอากงหน่อย...ดูแกเงียบ เงียบ
หน้าฝนแบบนี้ทางเรามีเทคนิคการถ่ายภาพน้ำตกให้สวยฟุ้งนุ่มนวลชวนฝันมากฝากกันค่ะ...เผื่อลูกค้าท่านใดจะมีทริปไปเที่ยวป่าหน้าฝนกันนะคะ เรามาดูกัน.....
เทคนิคการถ่ายภาพน้ำตก
น้ำตกเป็นสถานที่หนึ่งที่เป็นที่นิยมสำหรับนักถ่ายภาพ โดยเราจะเห็นภาพน้ำตกมากมายตาม Website ต่างๆ หลายท่านคงเคยมีปัญหาว่า เวลาเราเห็นน้ำตกสวยๆ แล้วทำไมพอถ่ายภาพออกมาแล้วไม่สวยเหมือนภาพที่เห็นเลย โดยถ้าเราแค่ปรับกล้องเป็นระบบถ่ายภาพอัตโนมัติ และยกกล้องขึ้นมาถ่ายภาพน้ำตก เราก็คงจะได้ภาพน้ำตกธรรมดาๆ กลับบ้านไป แต่ภาพน้ำตกที่เราเห็นสวยๆส่วนใหญ่แล้ว จะเป็นภาพที่น้ำที่ตกลงมามีความพลิ้วไหว และดูเป็นสาย ในขณะที่ได้แสงที่พอดี ความจริงแล้วการถ่ายน้ำตกให้มีความพลิ้วไหวคงไม่ใช่เรื่องยากอะไร ก็แค่เปลี่ยนความเร็วชัตเตอร์ให้ช้าลง แต่สิ่งที่ท้าทายเราก็คือเมื่อความเร็วชัตเตอร์ช้าแล้ว เราจะได้แสงที่ Over มากเกินไป เรามาดูเทคนิคในการถ่ายภาพน้ำตกกันดีกว่าครับ
เปลี่ยนความเร็วชัตเตอร์ให้ช้าลง
ความเร็วชัตเตอร์เป็นหลักการแรกที่ต้องคำนึงถึง เพราะถ้าเราใช้ความเร็วชัตเตอร์ที่ค่อนข้างสูงเราจะได้ภาพน้ำตกที่มีลักษณะหยุดนิ่ง หรือเห็นน้ำตกเป็นเม็ดๆลงมา ดังนั้นถ้าเราต้องการภาพน้ำตกที่มีลักษณะเป็นสายลงมาก็คงต้องเลือกความเร็วชัตเตอร์ที่ต่ำ เราคงไม่ต้องจำว่าจะใช้ความเร็วชัตเตอร์ที่ต่ำขนาดไหน โดยจำแค่ว่าถ้าความเร็วชัตเตอร์ต่ำมากก็จะได้ภาพสายน้ำที่มีลักษณะฟุ้งๆมาก และก็จะน้อยลงตามความเร็วชัตเตอร์ที่เพิ่มขึ้น
ปรับรูรับแสงให้แคบลง
การถ่ายภาพน้ำตกควรจะเก็บภาพที่มีลักษณะชัดลึก (ชัดตั้งแต่ด้านหน้าไปถึงด้านหลัง) ดังนั้นควรปรับรูรับแสงให้แคบไว้ก่อน นอกจากนั้น อย่างที่เคยกล่าวมาแล้วในบทความก่อนๆ (“ความเร็วชัตเตอร์ รูรับแสง ISO”) ว่าความเร็วชัตเตอร์ที่รูรับแสงเป็นสิ่งที่สัมพันธ์ซึ่งกันและกัน เมื่อเราเลือกความเร็วชัตเตอร์ที่ค่อนข้างต่ำ รูรับแสงก็ควรที่จะปรับให้ค่อนข้างสูงเพื่อให้ปริมาณแสงเข้ามาพอดี
เทคนิคการลดการสั่นไหว
การใช้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำๆ จะทำให้ภาพสั่นไหวได้ง่ายดังนั้นควรมีเทคนิคในการลดภาพสั่นไหวโดยวิธีต่างๆดังนี้
-การใช้ขาตั้งกล้อง ซึ่งจะช่วยให้เราได้ภาพที่นิ่งมากขึ้น โดยเฉพาะภาพที่เป็นส่วนประกอบต่างๆ เช่น ก้อนหิน ต้นไม้ เป็นต้น
-วางกล้องไว้ในพื้นที่ที่ค่อนข้างมั่นคง บางท่านอาจไม่มีขาตั้งกล้องหรือไม่อยากพกขาตั้งกล้องไปท่องเที่ยวด้วย ก็อาจจะใช้วิธีตั้งกล้องไว้ตามโขดหิน หรือสิ่งที่ค่อนข้างมั่นคง แต่ก็คงต้องระวังกล้องของเราจะเปียกน้ำหรือลื่นตกลงไปนะครับ ถ้าพลาดไปก็คงไม่คุ้มกับภาพที่ได้มา
-สายลั่นชัตเตอร์/ตั้งเวลาถ่ายภาพ วิธีลดภาพสั่นไหวอีกวิธีหนึ่งคือก็ใช้สายลั่นชัตเตอร์ โดยเฉพาะในตอนที่เรากดถ่ายภาพอาจจะทำให้ภาพเราสั่นเล็กน้อย สายลั่นชัตเตอร์จะช่วยลดความสั่นสะเทือนในจุดนี้ บางคนไม่มีสายลั่นชัตเตอร์ผมขอแนะนำให้ตั้งเวลาถ่ายภาพเพื่อหลีกเลี่ยงกันสั่นสะเทือนในขณะกดชัตเตอร์
ลดแสงด้วยฟิลเตอร์
เนื่องจากเราใช้ความเร็วชัตเตอร์ที่ต่ำมาก ปริมาณแสงที่เข้ามาในกล้องจะมากขึ้นทำให้ภาพที่ออกมามีลักษณะ Over ดังนั้นวิธีหนึ่งที่ช่วยลดปริมาณแสงที่วิ่งเข้าสู่กล้องคือการใช้ฟิลเตอร์ลดแสง เช่น ฟิลเตอร์ ND หรือ ฟิลเตอร์ C-PL ซึ่งนอกจากจะลดปริมาณแสงแล้วยังช่วยลดแสงสะท้อนได้อีกด้วย
เลือกช่วงเวลาถ่ายภาพที่เหมาะสม
ช่วงเวลาในการถ่ายภาพน้ำตกควรเลือกช่วงที่แสงแดดไม่แรงมาก เนื่องจากเราใช้ความเร็วชัตเตอร์ที่ค่อนข้างต่ำ จะทำให้การควบคุมปริมาณแสงที่เข้ามาค่อนข้างง่ายกว่า นอกจากนั้นช่วงเวลาเข้าหรือเย็นเราจะได้แสงที่ค่อนข้างนุ่ม ซึ่งเพิ่มความนุ่มนวลให้ภาพของเรามากขึ้น
ความปลอดภัยสำคัญที่สุด
บริเวณน้ำตกส่วนใหญ่จะค่อนข้างลื่น ดังนั้นถ้าเราต้องตั้งขาตั้งกล้องหรือเลือกมุมที่จะถ่ายก็ระวังลื่นตกลงไปนะครับ คงจะไม่คุ้มแน่ถ้าเราได้ภาพที่ดีสักภาพสองภาพ แต่ต้องเจ็บตัวหรือเสียกล้องของเราไป นอกจากนั้นยังคงต้องระวังในการเดินเข้าที่เปลี่ยวๆด้วยนะครับ อย่าเดินเพลินจนลืมเรื่องความปลอดภัยของเรานะครับ
คราวหน้าถ้าได้ไปเที่ยวน้ำตกอีกก็อย่างลืมใช้เทคนิคต่างๆ และเก็บภาพสวยๆกลับมากันนะครับ
(เขียนโดย
www.ideophoto.com/ขอบคุณความรู้ดีๆที่เอามาแบ่งปันกันนะคะ) ส่วนภาพถ่ายเครดิตจากคุณ ทรงวุฒิ โภคพูลจาก EC-MALL ค่ะ ขอบคุณสำหรับภาพถ่ายสวยๆด้วยค่ะ....